เล่าเรื่อง Noël
วันนี้คือวันคริสต์มาส คนฝรั่งเศส " ทุกคน " ต่างกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาคริสต์หรือไม่ก็ตาม แต่การฉลองกันภายในครอบครัวกลายเป็นประเพณีแห่งชาติไปแล้ว
สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด เขาจะไปประกอบมิสซาที่โบสถ์ในคืนวันที่ 24 เพราะพระเยซูเจ้าเกิดตอนเที่ยงคืน คริสตศาสนิกชนจึงต้องไปโบสถ์ หรือไม่ก็เป็นวันที่ 25 ตอนเช้า เพื่อฉลองการเกิดของพระเยซูเจ้า
ส่วนในวันที่ 25 คนฝรั่งเศสทุกผู้ทุกคนต่าง " ต้อง " กลับไปทานข้าวกับครอบครัวตนเองในมื้อกลางวันหรือเย็น ไม่ว่าเขาจะอยู่ไกลแค่ไหน ก็ต้องกลับบ้าน นั่นหมายความว่า วันคริสมาสต์เป็นวันรวมญาติ รวมสมาชิกทุกคนประจำปี ไม่มาไม่ได้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวหากขาดสมาชิกคนใดคนหนึ่งไป
พอทุกคนมาถึงบ้าน เขาจะรวมตัวกันหน้าเตาผิง เจ้าบ้านมักจะจัดต้นคริสต์มาสไว้ใกล้ๆ มีกล่องของขวัญมากมายวางอยู่ใต้ต้นคริสมาสต์ เขาเริ่มการแจกของขวัญโดยการให้เด็กที่อายุน้อยที่สุดในครอบครัวเป็นคนหยิบของขวัญและยื่นให้ทุกคน หรือบางครอบครัวก็ให้ผู้ใหญ่เป็นคนแจก แต่ว่าจะต้องยื่นให้เด็กที่มีอายุน้อยที่สุดก่อน คือเป็นการแจกโดยเรียงตามอายุ
เมื่อแจกและแกะของขวัญกันเสร็จแล้ว เขาจะทำอาหารทานกันในบ้าน ไม่ค่อยนิยมไปที่ร้านอาหาร เพราะสมาชิกเยอะ ไปตามร้านก็จะแพง อีกทั้ง เขายังถือว่าทานที่บ้านได้บรรยากาศอบอุ่นกว่า ดังนั้น มื้ออาหารวันคริสมาสต์จึงคึกคักไปด้วยสมาชิกทุกเพศทุกวัย
ตามบ้านเรือนก็จะประดับบ้านและตกแต่งโต๊ะอาหารอย่างสวยงามอลังการเพราะเป็นเทศกาลสุดพิเศษ เริ่มต้นด้วยการยืนดื่มแชมเปญ จากนั้นก็เชิญแขกทั้งหมดนั่งประจำที่ และทานอาหารมื้อใหญ่ซึ่งกินเวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง ได้แก่ อาหารจานแรก อาหารจานหลัก สลัด เนยแข็ง ขนมหวาน และปิดท้ายด้วยชาหรือกาแฟ เราจึงจะลุกออกจากโต๊ะอาหารได้
หากเราฟังแค่ภาพรวม เราก็จะจินตนาการได้ถึงความอบอุ่น ความสนุกสนาน และความรื่นเริง ในบ้านนั้นมีแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ กลิ่นอาหาร แสงไฟเหลืองนวลจากเทียน ไออุ่นจากเตาผิง มองไปทางไหนก็มีแต่สมาชิกในครอบครัวพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิต แต่ในทางกลับกัน เทศกาลคริสต์มาสในฝรั่งเศสไม่ได้มอบแต่ความสุขเพียงอย่างเดียว วันคริสต์มาสถือเป็นช่วงเวลาแห่ง " ความเศร้า " สำหรับคนฝรั่งเศสที่ไม่มีครอบครัว
กล่าวคือ คนฝรั่งเศสสูงอายุที่โสด ไม่ได้แต่งงาน หรือแต่งแล้วแต่อีกฝ่ายเสียชีวิตไปก่อน และ/หรือไม่มีลูก ตามปกติแล้วเขาสามารถดำเนินชีวิตคนเดียวได้ แต่พอถึงกลางเดือนธันวาคม เมื่อคริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว เขาเริ่มไม่มีความสุข เพราะเขารู้ว่าวันที่ 25 เขาจะต้องอยู่คนเดียว และมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่มีใครอยากอยู่ในบ้านหรืออพาร์ตเม้นเพียงลำพังในวันคริสต์มาส ในขณะที่บ้านข้างๆฉลองกันในครอบครัวอย่างมีความสุข ดังนั้น หากเขายังมีแรงเดินทางได้ เขาก็จะเลือกเดินทางออกนอกประเทศ ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ฝรั่งเศส เพราะเขาไม่มีครอบครัว ดังนั้นเขาจึงต้องการหลีกหนีช่วงเวลานี้
ส่วนคนสูงอายุที่อยู่ตามบ้านพักคนชรา ตามสถานที่นั้นๆจะมีการจัดงานคริสต์มาสให้ และเชิญให้ญาติหรือลูกหลานของผู้สูงอายุมาร่วมด้วยได้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าลูกหลานมักไม่มาร่วมงานเลี้ยงนี้ ทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงค่อนข้างเงียบเหงา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น